ทำความรู้จัก สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่สุดแสนจะฉลาด

สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ หรือลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน สุนัขพันธุ์นี้พบเจอครั้งแรกช่วงศตวรรษที่ 18 ในประเทศแคนาดา ซึ่งคาดกันว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ของสุนัขสายพันธุ์นิวฟันด์แลนด์ กับสุนัขสายพันธุ์ท้องถิ่น ในช่วงศตวรรษที่ 19 ถูกนำมาเพาะพันธุ์ที่ประเทศอังกฤษจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จากแต่เดิมที่มีแต่สีดำก็ถูกพัฒนาให้มีมากมายหลายสี และได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์อย่างเป็นทางการโดย American Kennel Club (AKC) ในปี 1917

ลักษณะทางกายภาพของ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ มีโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง กะโหลกกว้าง มีดวงตาที่ดูอ่อนโยน หูตกลงข้าง มีหางที่คล้ายหางตัวนาก ขนสั้นแน่น สามารถมีได้หลายสี เช่น ดำล้วน น้ำตาลทอง และสีน้ำตาล ตัวผู้เมื่อโตเต็มวัยจะสูง 56 – 57 ซม. หนักประมาณ 30 กก. เพศเมียสูงประมาณ 55 – 56 ซม. หนักประมาณ 28 กก.

นิสัย สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์

ลาบราดอร์จะมีนิสัยตามธรรมชาติที่ร่าเริง และกระตือรือร้นแต่กำเนิด เป็นมิตร และฝึกง่าย ฉลาดหลักแหลม จนถูกยกให้เป็นอันดับ 7 สำหรับสายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก หากได้รับการฝึกฝนด้านการเข้าสังคมตั้งแต่เล็กจะมิตรกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้บนโลกไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็ก หรือเด็ก การที่ฝึกง่ายมักจะถูกนำไปใช้งานเป็นสุนัขตำรวจ สุนัขนำทาง เป็นต้น ลาบราดอร์ยังเปี่ยมไปด้วยพลังงานล้น และความกระตือรือร้นมาก หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี อาจมีพฤติกรรมไม่ดีได้ เช่น กัดแทะ เห่าเสียงดัง ชอบขุด ดังนั้นควรหมั่นพาไปออกกำลังกาย หรือ หาของเล่น หรือขนมขัดฟันก็จะช่วยลดปัญหาได้

โรคที่ต้องระวังใน สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์

ลาบราดอร์เป็นสุนัขที่ดูแลง่ายแข็งแรงไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามด้วยพยาธิสภาพและพันธุกรรมอาจมีโรคเกิดขึ้นได้ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคจอประสาทตาเสื่อม หากเกิดขึ้นก็สามารถรักษาได้ตามอาการ

อาหารของ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์

ลาบราดอร์ เป็นสุนัขที่เลี้ยงง่ายสามารถให้อาหารเม็ด อาหารเปียกได้เหมือนสุนัขทั่วไป แต่ด้วยความที่อ้วนง่าย การดูแลโภชนาการ และปริมาณอาหารให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเน้นไปที่ปริมาณโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก

เชื่อว่ามาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงอยากเลี้ยง สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ ขึ้นมากันแล้วซึ่งหากใครกำลังคิดจะเลี้ยงสิ่งสำคัญก็คือ หากคิดจะเลี้ยงเล่น ๆ ลาบราดอร์ก็เป็นสุนัขที่ไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ดังนั้นควรถามตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะเลี้ยงไหมเพราะสุนัขพันธุ์นี้ต้องการความดูแลเอาใจใส่พร้อมจะทุ่มเทเวลาให้ตลอดเวลา