เครื่องปั่นไฟ คืออะไร มีกี่ชนิด และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

หากระบบไฟฟ้าเกิดการขัดข้องจนไม่สามารถใช้งานได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นวงกว้าง ดังนั้นการมีเครื่องปั่นไฟไว้ใช้งานก็สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กลับมามีไฟฟ้าใช้โดยไม่ขาดตอนได้

เครื่องปั่นไฟ คืออะไร?

เครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เป็นรูปแบบของระบบสำรองไฟ สำหรับหลักการทำงานนั้นจะเป็นการเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะอาศัยการเหนี่ยวนำแม่เหล็กตามหลักของ ไมเคิล ฟาราเดย์ โดยจะมีหลักการว่า เมื่อขดลวดตัวนำเคลื่อนที่ผ่านสนามแม่เหล็กหรือแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านขดลวดตัวนำ ก็จะส่งผลให้เกิดแรงไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นที่ขดลวดตัวนำ สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้นจะประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ ชุดควบคุม และไดร์ปั่นไฟ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ดังนี้

เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง

เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง หรือที่เรียกกันว่า ไดนาโม ใช้หลักการทำงานโดยเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งอาศัยการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าที่ขดลวดและสนามแม่เหล็ก

เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ

เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ เป็นเครื่องกลที่รับพลังงานภายนอกเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะใช้หลักการแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำ โดยจะใช้ตัวนำเคลื่อนที่ในการตัดผ่านสนามแม่เหล็ก

ในเชิงอุตสาหกรรมใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบไหน

โดยทั่วไปแล้วในเชิงอุตสาหกรรมจะใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ โดยจะมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส มีทั้งแบบที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินและขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล

ขนาดของเครื่องปั่นไฟ

  • ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง นิยมใช้ในครัวเรือน หรือตามงานก่อสร้างที่มีขนาดเล็ก และมีการนำไปใช้กับงานเชื่อมโลหะ โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้า 1-20 KVA หากเป็นขนาดกลางจะมีกำลังผลิตไฟฟ้า 20-50 KVA
  • ขนาดใหญ่ นิยมนำไปใช้กับงานอุตสาหกรรม เช่น ตามอาคารสูง โรงงาน โรงแรม เป็นต้น โดยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้า 50-100 KVA ขึ้นไป

เครื่องปั่นไฟมีประโยชน์อย่างไร

ผลิตไฟฟ้า

วัตถุประสงค์ของเครื่องปั่นไฟก็คือการผลิตไฟฟ้า เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่มีไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หากมีเครื่องปั่นไฟคนในพื้นที่ก็จะสามารถใช้ไฟฟ้าได้

ใช้เป็นไฟฟ้าสำรอง

สามารถใช้เป็นไฟฟ้าสำรองตามสถานที่ต่างๆ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน เช่น ฝนตกหนักจนไฟฟ้าดับ รถชนเสาไฟฟ้าจนทำให้ไฟฟ้าใช้งานไม่ได้ ดังนั้นการมีเครื่องปั่นไฟจึงเป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองได้

ลดต้นทุน

ในอดีตจะใช้วัตถุดิบหลักคือน้ำมันมาใช้กับเครื่องปั่นไฟ ซึ่งจะมีต้นทุนสูง จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีการใช้พลังงานจากแหล่งอื่นได้ เช่น พลังงานลม พลังงานน้ำ แก๊สธรรมชาติ เป็นต้น

ในกลุ่มธุรกิจที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องจึงมีความจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา หากไฟฟ้าดับลงก็จะส่งผลเสียต่อธุกิจ ทำให้อุปกรณ์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับไฟฟ้าใช้งานไม่ได้ ดังนั้นการมีเครื่องปั่นไฟจึงถือว่าเป็นไฟฟ้าสำรองที่สามารถใช้แก้ปัญหาให้กลับมามีไฟฟ้าใช้ได้